ระพิน ภูไท เป็นนักร้องลูกทุ่งชายที่มีเสียงดี จับใจคนฟัง และมีผลงานเพลงฮิตมากมาย ซึ่งถูกนักร้องรุ่นหลังหยิบมาบันทึกเสียงใหม่หลายต่อหลายคน โดยเพลงดังระดับอมตะของเขาก็อย่างเช่น "คนสวยใจดำ", "คุณนายโรงแรม" และอีกมากมายหลายเพลง รวมทั้งยังมีโอกาสได้ร่วมแสดงภาพยนตร์ด้วย
ระพิน ภูไท มีชื่อจริงว่า บุญมี เรืองรัศมี เกิดเมื่อ พ.ศ. 2490 ที่ ต.คลองกระจง อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย เป็นบุตรนายบุญมา และนางเจียน เรืองรัศมี มีพี่น้อง 8 คน เป็นคนที่ 5 เมื่อเขาโตขึ้น ครอบครัวย้ายมาอยู่ที่ พิษณุโลก โดยพ่อมีอาชีพถีบสามล้อรับจ้าง ต่อมาก็ซื้อรถสามล้อมาให้เช่า บางครั้งระพินจึงช่วยถีบสามล้อหาเงินบ้าง แต่เขาชอบที่จะร้องเพลงมากกว่า โดยชอบไปร้องเพลงเชียร์รำวงตามงานวัด ซึ่งพ่อแม่ของเขาก็ส่งเสริม โดยพาไปฝากอยู่กับวง "รวมดาวกระจาย" ของครูสำเนียง ม่วงทอง ที่มาเปิดการแสดงที่พิษณุโลก และครูก็รับเข้าร่วมวง หลังขึ้นไปทดลองร้องเพลง "กล่อมน้องนอนเปล" และ "ตำรวจครับ" ของ ชาย เมืองสิงห์ และได้รับการตอบรับจากผู้ชมอย่างดี (บางแห่งบอกว่า เขาร้องเพลง ทุกข์ร้อยแปด ของชาย เมืองสิงห์ เป็นที่ถูกใจ ผู้ชมจึงขอให้เขาร้องเพิ่มอีกเพลง) เมื่อมาร่วมวง เขาใช้ชื่อว่า "เพชร พิษณุโลก"
ระพิน ซึ่งยังไม่ประสบความสำเร็จกับการเป็นนักร้อง ออกมาจากวงรวมดาวกระจาย หลังจากมีเรื่องชกต่อยกับน้องชายของครูสำเนียง และก็ได้หอบภรรยาชาวโคราช ที่พบรักตอนอยู่ในวง มาอยู่กับพี่สาวที่นครราชสีมา โดยหาเลี้ยงชีพด้วยการถีบสามล้อ ขณะที่ภรรยาขายของ
ต่อมาเมื่อวงดนตรีบรรจบ เจริญพร มาแสดงที่โคราช เขาจึงไปสมัครเป็นนักร้องในวง แต่ถูกปฏิเสธเพราะนักร้องเต็ม แต่ระพินก็ได้ขอขึ้นร้องหน้าเวที และเพราะสุ้มเสียงที่ไพเราะทำให้บรรจบ เปลี่ยนใจรับเข้ามาร่วมวงด้วย โดยใช้ชื่อว่า "ยอดเพชร ราชสีมา" แต่อยู่ประมาณ 1 ปี ก็ลาออก
ปี 2514 ครูฉลอง ภู่สว่างนักแต่งเพลงชื่อดังชอบในน้ำเสียงของเขาจึงแต่งเพลงให้ร้องชุดแรก 3 เพลง คือ เพลงลาก่อนความโกหก, ปีวอกหลอกพี่, คำสั่งคุณหมอ โดยใช้ชื่อ ระพิน ภูไท เป็นครั้งแรกแต่ไม่มีทุน แต่ในที่สุด ก็ได้ประกิจ ศุภวิทยาโภคี มาเป็นนายทุน โดยทำสัญญาระบุว่า ระพินต้องอัดแผ่นเสียงให้ห้างซิมสันของเขาเพียงแห่งเดียวในระยะเวลา 3 ปีและสังกัดอยู่กับวงดนตรี "พิณศรีวิชัย" เท่านั้น ถ้าไปร้องให้คนอื่นต้องถูกปรับเพลงละ 20,000 บาท ระพินรู้สึกว่าไม่เป็นธรรม แต่จนเมื่อเพลงชุดแรกดังแล้ว เขาได้ขอขึ้นค่าตัว แต่นายห้างไม่ยอม ระพินจึงงดออกงานกับวง ทำให้นายห้างฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย ระพินยอมออกจากวง และมาตั้งวงเองเมื่อปี 2515 ก่อนจะมีผลงานเพลงออกมามากมาย
ในช่วงปี 2516-2517 ที่ระพินรุ่งเรืองสูงสุดนั้น เขาเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงมาก มีค่าตัวแพงที่สุด วงของเขามีงานถึงคืนละ 3 ที่ตลอดปี จนต้องทำวงขึ้น 3 วง และเปิดแสดงในพื้นที่ไม่ห่างกันมากนัก เพื่อที่ตัวหัวหน้าวงจะได้คอยวิ่งรอกได้ ระพินจึงมีเงินทองมากมาย รวมทั้งความสุขสบาย และความสุรุ่ยสุร่าย เขามีรถยนต์ถึง 4 คัน คือแลนเซีย บีเอ็มดับเบิ้ลยู ซีตรอง และโตโยต้า ถึงขั้นต้องจับไม้สั้นไม้ยาวว่าวันนั้นจะใช้คันไหน และมีภรรยาถึง 3 คน ประกอบกับความมีน้ำใจของเขา ทำให้ทรัพย์สินร่อยหรอ อย่างรวดเร็ว ทั้งๆ ที่สมัยอยู่วงรวมดาวกระจาย เขาเป็นคนที่ทำงานหนัก และประหยัดที่สุด เขาไม่เอาเปรียบใคร และไม่ค่อยยุ่งกับใคร เขาจะไม่ยอมเสียเงินค่าโรงแรมตอนที่ออกเดินสาย แต่จะอาศัยนอนบนรถของวง และต้องเผชิญกับกองทัพยุงอยู่เป็นนิจ
ในระยะหลัง เมื่อความนิยมตกต่ำ ระพิน ภูไท เริ่มประสบปัญหาชีวิตมากมายจนกลายเป็นคนดื่มเหล้าจัด จนต้องเลิกวงประมาณปี 2520 เพราะเมาจนร้องเพลงไม่ได้ ภรรยาก็แบ่งสมบัติ และเลิกราแยกย้ายกันไป จนเหลือแต่ภรรยาคนสุดท้าย ระพินเริ่มกลับมายากจนอย่างมากอีกครั้ง
ต่อมาในปี 2523 ถนอม จันทร์เกตุ เพื่อนสนิทของระพิน พาไปพบชลธี ธารทอง นักแต่งเพลงชื่อดังขอให้แต่งเพลงให้ โดยทั้งคู่เคยเป็นเพื่อนรักกันสมัยอยู่วง "รวมดาวกระจาย" และระพิน เคยพยายามชวนครูชลธีมาร่วมเป็นนักร้องในวงของเขาสมัยรุ่งเรืองด้วย โดยเสนอค่าตัวในระดับสูงมากเมืองเทียบกับสมัยนี้ แต่ชลธีซึ่งไปร่วมร้องเพลงเป็นบางครั้งบางคราว ตัดสินใจเลิกไปช่วยร้องในที่สุด เพราะเกรงใจระพินที่ให้เงินมาก
ชลธีแต่งเพลงให้ระพินได้แก่ เพลงไอ้หนุ่ม ต.ช.ด., ซ้งข้างผัวเขา, น้ำตาไอ้พิน ,ไอ้หนุ่มบ้านนาล, ลำดวนใจดำ ระพินที่ถูกถนอมขอให้เลิกกินเหล้า และหันมาซ้อมร้องเพลงอีกครั้ง แต่ก็เป็นไปอย่างทุลักทุเล เพราะเสียงไม่มี ต้องอัดกันหลายครั้งในแต่ละเพลง และผลงานที่ได้มา ก็ไม่ดีเช่นสมัยก่อน ทั้งๆที่สมัยก่อน วันหนึ่งๆเขาสามารถอัดได้หลายเพลง หลังอัดเสียงเพลงชุดสุดท้ายเสร็จ ถนอมได้ให้เงินระพินไปก้อนหนึ่ง ซึ่งเขาก็ได้เอาเงินไปกินเหล้า ด้วยความที่อดมานาน และกินเหล้าเข้าไปมาก เขาจึงล้มป่วย จนต้องเข้าโรงพยาบาล ในสภาพที่ครอบครัวไม่มีเงินเหลือเลย
ระพิน ภูไท ซึ่งเป็นโรคความดันโลหิตสูงอยู่ก่อนแล้ว เสียชีวิตด้วยวัย 35 ปี ด้วยโรคเส้นโลหิตในสมองแตก ที่โรงพยาบาลมหาชัย เวลา 04.00 น. วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2524 ในสภาพที่ครอบครัวยากจนมาก ไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อโลงศพ ต้องเรี่ยไรจากคนในวงการ ระพินตกทุกข์ได้ยากแสนสาหัสสิ้นไร้ไม้ตอกจนแทบไม่เหลืออะไรเลย เขาต้องหอบลูกเมียไปอาศัยใบบุญแม่ยายที่มหาชัย สมุทรสาคร แล้วอาศัยชื่อเสียงเดิมๆ ที่เคยมีอยู่ไปขึ้นวงโน้นวงนี้รับเชิญพอได้เงินยาไส้ ก่อนจะพบจุดจบ เขาปวดขามาก ปวดติดต่อกันหลายวัน สังเกตดูพบว่าข้อเท้าบวม ขาก็บวม การขึ้นเวทีครั้งสุดท้าย ระพิน รับเชิญไปกับวง ลูกทุ่งฉันทนา ของ ศิลป์ จิตรกร ได้เงินค่าตัว 1,000 บาท
เย็นวันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม ระพินตั้งใจไปหาหมอที่คลินิกเพราะรู้สึกขาจะบวมมากผิดปกติ แต่คลินิกปิด เขาเลยบอกกับภรรยาว่าเดี๋ยวไปรับเชิญวันที่ 24 ก่อน ได้เงินแล้ววันที่ 25 ค่อยมาตรวจ แล้วไม่รู้นึกยังไง ระพิน เลยชวนภรรยาไปดูหนังเรื่อง ผีตาโบ๋ หนังเลิกก็กลับบ้านนอน นอนพักเดียวบ่นร้อนมากไม่ไหวเลยออกไปนอนที่ม้าหินอ่อนใกล้ๆ หน้าบ้าน จู่ๆ ก็แน่นหน้าอกกลับเข้าบ้านยิ่งแน่นหน้าอกเข้าไปใหญ่ ภรรยาเลยตัดสินใจนำส่งโรงพยาบาลมหาชัย แล้วตีสี่ของคืนวันอาทิตย์นั่นเอง ระพิน ภูไท ก็สิ้นลมหายใจสุดที่แพทย์จะเยียวยาได้
หมอให้เหตุผลการตายของเขาว่า เส้นโลหิตในสมองแตก เพราะว่าเขาเป็นโรคความดันสูงอยู่แล้ว (ซึ่งสาเหตุสำคัญมาจากการดื่มสุราจัดของเขานั่นเอง ดื่มจนเชื่อได้ว่าพิษสุราเรื้อรัง)
ศพของ ระพิน ภูไท รดน้ำและเผาที่ วัดสมรโกฏิ ต.บางกระสอ อ.เมือง นนทบุรี วันรดน้ำศพคือวันจันทร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2524 ไม่มีใครไปงานเขาเลย มีเพียงลูกเมียญาติและคนนับถือกันไม่ถึง 10 คน ทั้งๆ ที่ ระพิน ภูไท เคยยิ่งใหญ่มาก และเคยเป็นที่พึ่งของคนนับร้อยที่ห้อมล้อมเขา เวลาที่เขาเดินอย่างสง่าเผ่าเผยในซอยบุปผาสวรรค์ รถบัสคันใหญ่เขาเคยจอดอยู่หน้าปากซอย คนผ่านจรัญสนิทวงศ์ทุกคนต้องจ้องมองรถเขา แต่วันที่เขาจากไปกลับไม่มีใครอยู่เคียงข้างเขาเลย
นำแสดงโดย: ครรชิต ขวัญประชา และ เพชรา เชาวราษฎร์ (ได้ร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ 2 เพลงคือ"ลานสาวกอด" และ "ใต้ฟ้าเชียงฮาย")